กายภาพบำบัด หรือ Physical Therapy คืออะไร สามารถช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยประเภทใดได้บ้าง
Physical Therapy คือ ศาสตร์ที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพหรือการกายภาพบำบัด ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายหรือการใช้เครื่องมือเข้าช่วยรักษาผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวและใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือผู้ป่วยพักฟื้นหลังผ่าตัด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดในสมอง หรือผู้ที่มีปัญหาทางเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและความบกพร่องของร่างกาย ดังนั้นการทำกายภาพบำบัดจึงช่วยลดอาการเจ็บปวด และช่วยเพิ่มความแข็งแรงและเสริมสร้างการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี
กายภาพบําบัด มีกี่ประเภท อะไรบ้าง

กายภาพบำบัดพื้นฐานจะช่วยในการฟื้นฟูและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายไม่ว่าจะเป็น การนวด การดึง นวดประคบ ในบริเวณที่มีอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ร่วมกับการบริหารร่างกายหรือการออกกำลังกายให้แก่ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บ การทำกายภาพบําบัด มีอะไรบ้าง
1. กายภาพบําบัด ระบบประสาท
กายภาพบำบัด (Physical Therapy) ระบบประสาทเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ และไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายได้เอง ทั้งการทรงตัว การนั่ง การเดิน เป็นต้นโดยให้การรักษาผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางระบบประสาท ผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก ผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง และผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบทางระบบประสาททางด้านอื่น ๆ โดยเป้าหมาย Physical Therapy คือ เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ฝึกควบคุมการเคลื่อนไหว การยืน หรือฝึกเดิน
2. กายภาพบำบัดกล้ามเนื้อ
เป็นการกายภาพบำบัดอาการปวดกล้ามเนื้อตามร่างกาย ทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อในส่วนเดิมซ้ำ ๆ เป็นระยะเวลานาน เช่น การนั่งทำงานท่าเดิม การเล่นกีฬาจนกล้ามเนื้อเอ็นอักเสบ โดยการกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อจะทำกายภาพบริเวณกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง และกล้ามเนื้ออักเสบทั่วตัว เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาใช้งานมัดกล้ามเนื้อได้ตามปกติ
3. กายภาพบำบัดหลอดเลือดและหัวใจ
ผู้ป่วยระบบหัวใจและหลอดเลือดจะต้องทำการกายภาพบำบัดโดยการตรวจร่างกายและเข้ารับการรักษาโดยเน้นการกระตุ้นเพื่อฝึกให้เริ่มเดินเร็ว และยังช่วยลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ และให้การรักษาทางกายภาพบำบัดด้วยเทคนิคและเครื่องมือเฉพาะ อีกทั้งยังใช้การจัดท่า การเคาะปอด การดูดเสมหะ อย่างถูกวิธี
4. กายภาพบำบัดผู้สูงวัย

ผู้สูงอายุร่างกายจะเกิดความสึกหรอเมื่อมีอายุมากขึ้น และมีอาการปวดตามข้อ หรือไม่มีแรงที่จะทำกิจวัตรประจำวันได้เป็นปกติ ดังนั้นการทำกายภาพบำบัดในผู้สูงอายุจะจะช่วยเพิ่มความแข็งแรง และสามารถทรงตัวได้ดีขึ้น
5. กายภาพบำบัดในผู้ป่วยเด็ก
เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และช่วยในการฝึกควบคุมการเคลื่อนไหว สามารถให้เด็กช่วยเหลือตนเองและทำกิจวัตรประจำวันได้ และยังส่งเสริมพัฒนาการ ช่วยรักษาและฟื้นฟูระบบโครงสร้างของร่างกาย
ขั้นตอนกายภาพบำบัดและการทํากายภาพบําบัดด้วยตัวเองง่าย ๆ

กายภาพบำบัดพื้นฐานควรมีความถี่ในการทำกายภาพเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ และควรมีเทคนิคในการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างถูกวิธี เพื่อที่จะสามารถให้ร่างกายกลับมาฟื้นฟูและแข็งแรง ได้อย่างปกติ โดยมีขั้นตอนการกายภาพบำบัดด้วยตัวเองง่าย ๆ ดังนี้
- บริหารสะโพกและขา เพื่อช่วยในยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดสะโพก โดยใช้วิธีการนอนตัวตรง และกางแขนออก จากนั้นให้ทำการยกเข่าขวาขึ้นระดับสะโพก ขาซ้ายเหยียดตรง ค้างไว้ประมาณ 10-15 วินาที และทำการสลับข้าง ทำแบบนี้ติดกัน 2-3 เซ็ต
- บริหารข้อเท้า เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ประสบปัญหาข้อเท้าพลิกบ่อย ๆ หรือมีอาการข้อเท้าหลวม ซึ่งท่าบริหารข้อเท้าจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นรอบ ๆ แข็งแรงขึ้น โดยทำการนั่งราบกับพื้นและทำการเหยียดขาไปด้านหน้า จากนั้นใช้ผ้าหรือเชือกคล้องไปที่ปลายเท้าและดึงให้ปลายเท้ากระดกเข้าหาตัวเพื่อฝึกความยืดหยุ่นของข้อเท้า
- ท่าบริหารข้อมือ เพื่อช่วยไม่ให้เป็นโรคพังผืดทับเส้นประสาท เหมาะสำหรับคนที่ใช้ข้อมือทำงานบนคอมพิวเตอร์นาน ๆ สามารถบริหารง่าย ๆ โดยทำการหมุนข้อมือตามเข็มนาฬิกาสลับกับการทวนเข็มนาฬิกา ทั้งสองข้าง และควรบริหารข้อมือเป็นประจำ
เครื่องมือกายภาพบําบัด มีอะไรบ้าง และนำมาใช้กายภาพกับผู้ป่วยประเภทใด

อุปกรณ์กายภาพบำบัดผู้ป่วยแขนขาอ่อนแรง เช่น ถุงทรายถ่วงน้ำหนัก โดยนำมาใช้ออกกำลังกายเพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณขา โดยนำมาใช้ควบคู่กับการการทํากายภาพบําบัด ผู้ป่วยแขนขาอ่อนแรง และยังสามารถใช้เครื่องแขวนออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแรง เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง เช่น ที่พยุงเข่า หรือเสื้อพยุงกระดูกสันหลังส่วนคอ สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหากระดูกสันหลังจากการที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือผู้ป่วยภาวะกระดูกเสื่อม นอกจากนี้ยังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า Electrotherapy ที่เป็นเทคนิคในการรักษาโดยใช้กระแสไฟฟ้าช่วยรักษาและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ สามารถใช้รักษาอาการปวดหลัง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อาการบวมและอักเสบของเส้นเอ็น การตึงตัวของกล้ามเนื้อ และอาการเจ็บปวดตามข้อ
การทำกายภาพบำบัดเป็นประจำจะทำให้อาการของผู้ป่วยค่อย ๆ ดีขึ้น หรือหากใครที่กำลังมองหานักกายภาพบำบัดที่เชี่ยวชาญ สามารถให้ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง อิชิ ดูแล เพราะที่นี่มีนักกายภาพบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญที่จะช่วยฟื้นฟูร่างกายให้กับผู้ป่วยได้อย่างถูกวิธี และยังมีทีมแพทย์และพยาบาลมากประสบการณ์ ที่ผ่านการรับรองอย่างมาตรฐาน หากท่านสนใจหรืออยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 084 458 4591 Facebook หรือ Email : Ishiistrokecenter@gmail.com
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
กายภาพบําบัดที่ไหนดี
ควรเลือกคลินิกกายภาพบำบัดที่มีนักกายภาพบำบัดที่เชี่ยวชาญ หากได้รับการรักษาที่ไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างกายภาพหรืออาการไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย โดยที่คลินิกกายภาพบำบัดและเวชศาสตร์ฟื้นฟู ดูแลโดยแพทย์และนักกายภาพบำบัดเฉพาะทางของ Ishii Stroke Center มีผู้เชี่ยวชาญให้บริการเฉพาะทางด้านการทำกายภาพบำบัด โดยใช้วิธีการฟื้นฟูแบบธรรมชาติ มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และยังช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
กายภาพบําบัด เรียนอะไรบ้าง
ต้องเรียนหลักสูตรการศึกษาระดับปริญญาบัณฑิต โดยใช้ระยะเวลาศึกษา 4 ปี โดยมีคณะที่ต้องเรียนดังนี้
– คณะสหเวชศาสตร์ สาขาวิชากายภาพบำบัด
– คณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ สาขาวิชากายภาพบำบัด
– คณะเทคนิคการแพทย์ สาขาวิชากายภาพบำบัด
– สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ สาขาวิชากายภาพบำบัด
– คณะกายภาพบำบัด สาขาวิชากายภาพบำบัดและเรียนวิชาเฉพาะด้าน ได้แก่ วิชาพื้นฐาน เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา วิชาเฉพาะทางการแพทย์พื้นฐาน เช่น ประสาทกายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา จริยธรรมทางการแพทย์ วิชาเฉพาะทางกายภาพบำบัด เช่น วิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว การวินิจฉัยและรักษาด้วยไฟฟ้า เป็นต้น